Now Reading:

adidas Originals เปิดตัวหนังโฆษณาชุด “Original Is Never Finished | 2018”

adidas Originals เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “Original Is Never Finished | 2018” เพื่อพิสูจน์ว่า ความคิดสร้างสรรค์นั้นมาจากพัฒนาการที่ขับเคลื่อนไปอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง

ภาพยนตร์ชุดนี้ adidas Originals รวบรวมกลุ่ม คนรุ่นใหม่ที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์ ทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อผู้คนจากหลากหลายวงการทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นจากวงการเพลง แฟชั่น และกีฬา อาทิ ดัว ลิปา,​ ไมลส์ ซิลวาส,​เพลย์บอย คาร์ติ,​  ลู่ หาน, เอแซพ เฟิร์ก,​ นิค ยัง,​ เคย์ทรานาดา,​​ ฟลอเรนเซีย กาลาร์ซา, มาร์เซโล เวียรา และเอเดรียน โฮ ภาพวนลูปที่ปรากฏให้เห็นซ้ำไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ฉากแรกของภาพยนตร์ เชื่อมต่อกันพอดิบพอดีกับฉากสุดท้าย ที่ล้อกันไปมาเหมือนกระจกที่สะท้อนให้เห็นว่า แต่ละคนล้วนสานต่อสิ่งที่คนก่อนหน้าได้ทำเอาไว้ เสมือนการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่พัฒนาขึ้นจากสิ่งที่มีอยู่เดิมในอดีต นี่เองคือพัฒนาการที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่ง ผู้ชมจะถูกชักชวนให้ท่องไปในการเดินทางผ่านภาพที่ “ไม่มีจุดสิ้นสุด” เพื่อสำรวจไอเดียของการทำซ้ำในฐานะการแสดงออกซึ่งความคิดสร้างสรรค์ ตอกย้ำว่า ทุกช่วงเวลาในโลกของวัฒนธรรมคือการทดลองสิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง

“กับภาคต่อในปี 2018 ของภาพยนตร์ชุด Original Is Never Finished เราได้แรงบันดาลใจเบื้องต้น มาจากวิธีคิดเรื่องความพึงพอใจในสิ่งที่มีอยู่ ซึ่งอาจจะพูดได้ว่า วิธีคิดแบบนี้เป็นวิธีคิดที่ไปจำกัดความคิด สร้างสรรค์” – อเลกรา โอแฮร์รองประธานบริหารฝ่ายสื่อสารระดับโลก อาดิดาส ออริจินอลส์

“เราอยากสร้างความหมายใหม่ให้กับไอเดียของการทำซ้ำแบบไม่มีจุดสิ้นสุด เพราะเราหลงใหลใน พฤติกรรมการทำอะไรซ้ำ ๆ ในแบบของเรา ที่เมื่อเราลองฉีกแนวไปทำอะไรที่เราทำจนเคยชินดูบ้าง เราก็จะพบกับอิสรภาพที่จะสำรวจสิ่งใหม่ ๆ อย่างเหนือความคาดหมาย ไอเดียของการทำอะไรซ้ำไปเรื่อย ๆ ที่กล่าวมา มีให้เห็นผ่านภาพซ้ำ ๆ ที่นำเสนอออกมาในภาพยนตร์ โดย “วงล้อแห่งชีวิต” ของ adidas Originals จะทำหน้าที่เป็นเครื่องปลดปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ของเหล่านักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ฟลอเรนเซีย กาลาร์ซา​, เอเดรียน โฮ และเอแซพ เฟิร์ก ซึ่งหยิบเอาเนื้อเพลงสุดฮิตจากยุค 90 อย่าง “Keep Pushin” มาสร้างแรงบันดาลใจให้เหล่านักสร้างสรรค์คนอื่น ๆ ได้ดำเนินรอยตาม”

จากนาทีแรกถึงนาทีสุดท้าย ทุกการกระทำในภาพยนตร์ล้วนส่งแรงบันดาลใจต่อไปเรื่อย ๆ ทุกคนในหนังสวมใส่เสื้อผ้าในคอลเลคชั่น adicolor นักร้องที่กำลังมาแรงอย่าง “ดัว ลิปา” นำทีมทุกคนฉีกทุกกฎเกณฑ์และรุกไปข้างหน้า เมื่อใกล้ถึงจุดหมายที่ต้องการ ทุกคนก็ได้พบกับนักสเก็ตบอร์ดมือโปรอย่าง “ไมลส์  ซิลวา” ซึ่งโชว์เทคนิคการเล่นสเก็ตบอร์ดทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ให้ทุกคนได้ทึ่งในความมุ่งมั่นสู่ความสมบูรณ์แบบในแบบของเขา โดยที่ในระหว่างนั้น เขาใส่รองเท้าสเก็ตบอร์ดรุ่น City Cup ของอาดิดาสเป็นรองเท้าคู่ใจ

ไมลส์กระโดดพลิกกระดานสเก็ตบอร์ดกลางอากาศในฉากที่สร้างไว้อย่างงดงาม ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่แร็พเปอร์ดังอย่าง “เพลย์บอย คาร์ติ” เปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดเปรี้ยวชุดหนึ่งไปเป็นอีกชุดที่โดดเด่นไม่แพ้กันแล้วโดดขึ้นมายืนอยู่บนแกรนด์เปียโนอย่างองอาจ โดยสวมใส่รองเท้าอาดิดาสรุ่น Crazy 1 ADV ไว้ด้วย     สีหน้าอันภาคภูมิ ทว่าแกรนด์เปียโนกลับพังทลายลง ฉากนี้จึงเปลี่ยนผันไปอีกด้าน โดยมีนักร้องดังชาวจีนอย่าง “ลู่ หาน” เผยโฉมหน้าออกมาจากเปียโนที่แตกหักพร้อมสวมรองเท้าอาดิดาสรุ่น EQT BASK ADV จากนั้นลู่ หานมองไปยังด้านบน นำไปสู่การเปลี่ยนฉากอีกครั้ง เป็นฉากของนักร้องฮิปฮอปและนักสะสมรองเท้าสนีกเกอร์ตัวจริงอย่าง “เอแซพ เฟิร์ก” ที่กระทำในสิ่งที่เหล่านักสะสมมองเป็นเหมือนพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ นั่นก็คือการค่อย ๆ บรรจงเปิดกล่องรองเท้าที่เผยให้เห็นรองเท้าอาดิดาสรุ่น EQT หลายรุ่นที่กลายเป็นตำนานไปแล้ว รวมทั้งรองเท้าคู่ใหม่ของเขาเองอย่างรุ่น EQT BASK ADV

จากนั้นเราไปต่อกันที่นักบาสเกตบอลอัจฉริยะอย่าง “นิค ยัง” ที่สวมรองเท้าอาดิดาสรุ่น Crazy BYW โดยนำเสนอภาพซ้อนกันออกมาในแบบที่อ้างอิงไปถึง meme สุดดังของเขา ก่อนจะไปที่โปรดิวเซอร์เพลงชื่อก้อง “เคย์ทรานาดา” ที่กำลังง่วนอยู่กับแผ่นเสียงในภาพที่ฉายวนซ้ำไปมาในขณะที่เขากำลังสวมรองเท้าอาดิดาสรุ่น NMD_R1 STLT PK และหยิบแผ่นเสียงแผ่นสุดท้ายส่งมอบให้กับนักฟุตบอลและดีเจดัง      “ฟลอเรนเซีย กาลาร์ซา” เธอรับแผ่นเสียงแผ่นนั้นแล้วเดินผ่านห้องต่าง ๆ ที่ส่งพลังแบบเฉพาะตัวออกมาจากแต่ละห้อง เป็นการอ้างอิงไปถึงอัตลักษณ์หลากโฉมหน้าของรองเท้ารุ่น Arkyn ที่เธอกำลังสวมใส่อยู่ พร้อมทั้งเป็นการบ่งบอกอีกหนึ่งความหมายว่า ตัวเธอเองที่เราเห็นในตอนนี้ก็คือส่วนผสมของแรงบันดาลใจอันหลากหลายในแบบของเธอที่ไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว เสียงจากแผ่นเสียงล่องลอยต่อเนื่องมาจนถึงห้องล็อคเกอร์ของนักฟุตบอลดัง “มาร์เซโล เวียรา” ที่ซึ่งเขาเต้นออกท่าประหนึ่งผู้ชนะในสนามแข่งพร้อมกับ  สวมใส่รองเท้าอาดิดาสรุ่น EQT อารมณ์ความสนุกสนานของภาพยนตร์ยังคงต่อเนื่องไปที่ไอคอนของแวดวงแฟชั่นสตรีทแวร์อย่าง “เอเดรียน โฮ” ที่ออกเดินไปข้างหน้าเพื่อเผยตัวตนของเขาออกมาอย่างต่อเนื่องผ่านภาพลักษณ์อันทรงพลังของสีสันอันหลากหลายจากผลิตภัณฑ์ adicolor ในขณะที่เหล่าคนนอกทั้งหลายเลือกเดินบนเส้นชายขอบของโลกแฟชั่น ด้วยการสวมใส่รองเท้ารุ่น Prosphere แล้วออกวิ่งหนีให้พ้นจากการถูกคุกคามของกล้องวงจรปิด

adidas Originals

และในช่วงจังหวะสุดท้ายของภาพยนตร์นี่เอง ที่เหล่านักสร้างสรรค์ที่ได้รับการคัดเลือกมา ได้แสดงความมุ่งมั่นร่วมกัน โดยทั้งหมดรวมตัวกันปีนขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งพัฒนาการอันไม่หยุดนิ่ง แสงสีเขียววาบที่ปรากฏขึ้นพาผู้ชมกลับมายังจุดเริ่มต้นของการวนลูปนี้อีกครั้ง และในเสี้ยววินาทีที่ทุกอย่างดูเหมือนจะจบลง ภาพการวนลูปนี้ได้แตกออก และวงจรสุดสร้างสรรค์ของการทำซ้ำก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

สำหรับอาดิดาส ในฐานะแบรนด์ที่เชื่อในการมองย้อนกลับไปยังอดีตเพื่อนำมาใช้เติมไฟสร้างสรรค์ให้กับการก้าวสู่อนาคต เราเชื่อมั่นว่า เวอร์ชั่นรีมิกซ์ใหม่ด้วยซาวด์ที่วนซ้ำไปมาในเพลง “Keep Pushin” ของ Inaya Day ถือว่าเป็นการนำเวอร์ชั่นดั้งเดิมมาทำใหม่ได้สตรองยิ่งกว่าที่เคย

ภาพยนตร์ชุด “Original Is Never Finished | 2018” จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 25 มกราคมนี้เป็นต้นไป

สามารถรับชมหนังโฆษณาได้ที่

adidas Originals | Original is never finished | 2018 Full

adidas Originals | Original is never finished | 60′

adidas Originals | Original is never finished | 30′


อยากให้เพื่อนได้อ่าน แชร์เลย


Comments

Share This Articles
ใส่คีย์เวิร์ดแล้วกด Enter เลย