Now Reading:

Graduated Makeup อัพเดตเทรนด์แต่งหน้าบัณฑิต ปี 2018

ว่าที่บัณฑิตเร่เข้ามาด่วนจ้า ! ก่อนจะถึงวันรับจริงเราจะมาชวนสาว ๆ วางแผนลุคในวันสำคัญด้วยการอัพเดตเทรนด์แต่งหน้า Graduated Makeup ฉบับปี 2018 ที่จะทำให้สาว ๆ สลัดลุคสาวแฟชั่นนิสต้า กลายเป็นบัณฑิตผู้สวยสง่าและดูแพงแบบไม่เอ้าต์ สาวคนไหนที่ยังคิดไม่ออกว่าจะแต่งหน้าออกมาแบบไหน จะจ้างช่างหรือแต่งเองดีล่ะก็ ระหว่างตัดสินใจ ลองมาส่องสไตล์การแต่งหน้าที่เรารวบรวมมาไปพลาง ๆ ในบทความนี้ก่อนเลยค่ะ

ขอแสดงความยินดีกับว่าที่บัณฑิตทุกรั้วมหาวิทยาลัยด้วยจ้า! หลังจากที่ฝ่าฟัน อดทนร่ำเรียนกันมาอย่างสาหัส ทั้งเนื้อหาที่ย้ากยาก หรือการสอบที่สุดจะเข้มข้นแต่คะแนนออกมาก็จางเหลือเกิน แต่ในที่สุดเราก็สามารถเรียนจบ ประสบความสำเร็จกันได้ และในวันที่พีคสุด ๆ ของชีวิตคนหนึ่งคน ก็คือวันสำคัญอย่างวันรับปริญญานี่แหละ ที่ทำให้เราได้สัมผัสถึงการเรียนจบเป็นบัณฑิตอย่างสมบูรณ์ ซึ่งในวันนี้นอกจากเรื่องชุดจะต้องเป๊ะตามระเบียบด้วยแล้ว เรื่องของ Graduated Makeup ลุคแต่งหน้าบัณฑิต ก็สำคัญไม่แพ้กัน

@patriciagood

@aokbab

ผู้หญิงเราทุกคนวันสำคัญแบบนี้ ถ้าพลาดขึ้นมาถือว่าจบเห่ค่ะ ดังนั้น Graduated Makeup ของเราจึงต้องเนี้ยบเป๊ะเป็นพิเศษ โดยคอนเซ็ฟต์ของลุคนี้แน่นอนว่า เราต้องดู elegant มีความสวยแพงและสง่า ภายใต้กรอบของกฎระเบียบที่กำหนดไว้ ดังนั้นโทนสีที่ใช้จึงควรเป็นสีที่ดูซอฟต์ มีความเรียบร้อย แต่ต้องไม่ซีดเกินไปจนเราดร็อป… แค่คิดก็รู้สึกว่าช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน และแต่งออกมายังไงก็คงดูป้าแน่ ๆ ใช่ไหมล่ะ

@yammatira

@nahmwhansirin

อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลยค่ะสาว ๆ เพราะเดี๋ยวนี้วงการเมคอัพเขามาไกล แต่งเรียบร้อยแบบไม่แก่ได้สบาย และเพื่อไม่ให้สาว ๆ ต้องเหนื่อยไปนั่งค้นหากันเอง ทางเราก็เลยไปรวบรวม Graduated Makeup ฉบับสวยวิ๊งทันสมัยปี 2018 มาให้ได้ดูเป็นตัวอย่างไปแต่งตามกัน สาวคนไหนยังไม่รู้ว่าจะแต่งโทนไหน อย่างไรดีล่ะก็ ตามส่องด้านล่างนี้คุณจะได้ไกด์ไลน์ไปแต่งตามเพียบเลยล่ะ ว่าแล้วก็ตามมาดูกันมาเลยจ้า

MAKEUP IDEAS

เทรนด์การแต่งหน้าบัณฑิตปีนี้ จากที่เราไปตามส่องและสังเกตมา ทำให้เห็นได้ว่า ส่วนใหญ่จะเน้นแต่งหน้าใส ๆ ขนิดที่ว่า เป็นแนว Natural เลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งลักษณะเด่นอย่างแรกเลยคือ ผิวหน้าต้องใสกิ๊ง เนียนละเอียด ไม่ลงรองพื้นหนักจนเกินไป และจะยิ่งดีถ้าคุณสาว ๆ ลงแป้งบาง ๆ ให้พองาม ส่วนคิ้วนั้น ปีที่ผ่าน ๆ มา เราจะเห็นว่าส่วนใหญ่นิยมเขียนคิ้วเป๊ะ แต่ปีนี้การเขียนคิ้วเป็นสไตล์ที่ดูซอฟต์ลง แต่ได้รูป ทำให้ใบหน้าของเราดูสวยหวานกำลังดี ในขณะที่โทนสีจะเน้นไปในโทนชมพูธรรมชาติ ไปจนถึงโทนพีชอ่อน ๆ อาจลงลิปสติกให้มีความฉ่ำวาว กลอส ๆ หน่อย เพื่อเสริมให้ใบหน้าของบัณฑิตสาวดูสดใสสมวัย ซึ่งการแต่งหน้าในสไตล์นี้นอกจากเป็นสไตล์ที่ดูสวยแบบธรรมชาติแล้ว ยังเป็นลุคที่มีความสุภาพ ถูกต้องตามกฎอีกด้วยค่ะ

@bellacampen

@wjmild

graduated makeup

@gym_makeup

graduated makeup

@modnapapat

@facklaivongse

@dianaflipo

@silvypavida

@p_namtarn

@mmeiko_

@pigletcharada

@newtron_bw

@sakulkyp 

@yayahh_basic

@architasiri

@lilynawiya

@mae_nisachon

@jammie_panichadar

@teychitar

HOW TO GET LOOKS

ชมไอเดียอย่างจุใจกันไปแล้ว คราวนี้สาว ๆ พอจะเลือกได้หรือยังคะ ว่าจะแต่งหน้าตามแบบไหนดี ? ถ้าเกิดเลือกโทนได้แล้ว และอยากจะหัดแต่งเอง เพราะไม่อยากเปลืองงบจ้างช่างล่ะก็ มาถึงตรงนี้ เรามีวิธีในการแต่งหน้าแบบง่าย ๆ แต่สวยหนักมาก มาให้สาว ๆ ได้ลองนำไปฝึกแต่งตามกันดูค่ะ ถ้าพร้อมกันแล้วเรามาเริ่มขั้นตอนแรกกันได้เลยจ้า

  1. หลังจากที่เลือกสไตล์การแต่งหน้าได้แล้ว สิ่งแรกที่ควรทำก่อนลงเครื่องสำอางใด ๆ คือ ให้สาว ๆ จัดเซรั่ม ครีมบำรุง เติมความชุ่มชื่นให้กับผิวของเราเป็นอันดับแรกค่ะ จากนั้นรอสักพักจนครีมบำรุงซึมซาบลงผิว เราค่อยลงรองพื้นตามลงไป ซึ่งสำหรับเทรนด์ปีนี้เป็นแบบใส ๆ จึงแนะนำให้สาว ๆ ลงรองพื้นบาง ๆ พอปกปิดก็พอค่ะ แต่ถ้าใครมีรอยสิว ก็อาจจะใช้ Color Correcting หรือ Concealer ช่วยปกปิดได้
  2. หลังจากลงรองพื้น เกลี่ยให้เนียนเรียบไปกับผิวหน้าเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงขั้นตอนของการเขียนคิ้ว ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี โดยวิธีที่เราอยากแนะนำคือ ให้สาว ๆ ใช้แปรงหัวตัดวาดอายแชโดว์โทนน้ำตาลเข้มเป็นทรงคิ้ว แล้วค่อย ๆ ระบายให้เนียนเป็นทรง วิธีนี้จะทำให้คิ้วของคุณดูนัว ๆ กำลังเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็ใช้มาสคาร่าคิ้วปิดขนคิ้วเพื่อเติมมิติให้กับคิ้วของเราอีกนิด เป็นอันเรียบร้อย
  3. ในส่วนของการแต่งตา ให้สาว ๆ เลือกอายแชโดว์โทนที่เป็นธรรมชาติ แล้วลงสีเดียวได้เลยค่ะ ไม่ต้องแต่งหนักจัดเต็ม แต่เรารับประกันว่าสวยแพงได้อย่างแน่นอน จากนั้นกรีดอายไลน์เนอร์บาง ๆ เพื่อเสริมให้ตาดูกลมโต ก่อนติดขนตาปลอมชนิดที่ดูธรรมชาติที่สุด หรือใครมีขนตาอยู่แล้วก็แค่ดัดดแล้วปัดมาสคาร่าก็พอจ้า
  4. จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการลงเฉดดิ้งและไฮไลต์ต่าง ๆ  ในส่วนจมูกถ้าต้องการให้เป็นสันโด่งก็ค่อย ๆ ลงเฉดดิ้งอ่อน ๆ บริเวณสองฝั่งของสันจมูกแล้วลงไฮไลต์สันจมูก  ก่อนลงบลัชออนสีชมพูตุ่น ๆ หรือโทนส้มตามที่ชอบตรงบริเวณสองข้ามแก้ม สำหรับสาว ๆ ที่ไม่อยากดูแก้มตอบเกินไป เราแนะนำว่าไม่ต้องใช้เฉดดิ้งข้ามแก้มก็ได้ค่ะ แค่ลงไฮไลต์ที่สว่างกว่าสีของรองพื้นตรงโหนกแก้มหลังจากลงบัลชออนก็เพียงพอแล้ว
  5. จบท้ายด้วยการทาลิปสติก ซึ่งปีนี้ลิปกลอสวยปังและมาแรงมาก แต่ในความเป็นจริงคือ ลิปกลอสจะมีความหลุดง่ายอยู่ ดังนั้นถ้าอยากจะแต่งหน้าใส ๆ แบบนี้ เราอาจต้องมีทริคเล็กน้อยค่ะ อย่างแรก ถ้าคุณสาว ๆ ใช้ลิปสติกเนื้อแมตต์กึ่งครีม หรือเนื้อครีม ให้ลงลิปสติก 1 ครั้ง จากนั้นนำกระดาษทิชชู่มาคาบเม้มปาก ก่อนจะทาทับในรอบที่สอง แล้วอาจลงกลอสบาง ๆ ทับลงไป จากนั้นก็ฉีดสเปรย์น้ำแร่เพื่อเติมความชุ่มชื้น ลดการระคายเคืองต่าง ๆ ปกป้องผิวจากมลภาวะ และแสงแดด ทั้งยังเป็นตัวช่วยทำให้เครื่องสำอางค์ติดทนนานอีกด้วย

@supassra_sp

RECOMMENDED ITEM

รู้วิธีการแต่งหน้าลุคบัณฑิตไปคร่าว ๆ กันแล้ว สาว ๆ ก็อย่าลืมนำไปแต่งตามกันดูนะคะ ถ้าได้ฝึกจนชำนาญแล้ว ทีนี้ก็ไม่ต้องถึงมือช่าง ลงมือเองยังไงก็ได้ลุคที่สวยถูกใจแน่นอน เพราะตัวเราเองนี่แหละจะเข้าใจตัวเองมากที่สุด ว่าต้องการอะไร อยากแต่งหน้าแบบไหนกันแน่ ซึ่งสำหรับสาว ๆ ที่แต่งหน้าเองนั้น สิ่งที่ต้องมีก็คือเครื่องสำอางที่ใช้ โดยเฉพาะรองพื้นคือสิ่งที่เราต้องเลือกให้ดี เพราะถ้ารองพื้นดียังไงเราก็รอดแน่นอน โดยการเริ่มต้นเลือกรองพื้นเราแนะนำให้สาว ๆ สังเกตผิวตัวเองก่อนค่ะว่า มีลักษณะแบบไหน ถ้าคุณผิวมันให้ใช้รองพื้นที่เป็นเนื้อแมตต์ไว้ก่อน แต่ถ้าคุณผิวแห้ง หรือผิวผสมก็อาจจะเลือกใช้เนื้อปกติได้

แนะนำถึงการเลือกรองพื้นไปแล้ว อีกไอเท็มสำคัญที่สาว ๆ มักละเลยไปก็คือ สเปรย์น้ำแร่ ที่จะมาช่วยให้เครื่อเครื่องสำอางติดทนอยู่บนใบหน้าของเราตลอดวัน ทั้งยังมีประโยชน์มากมายต่อผิว ดังนั้นวันนี้เราก็เลยขอแนะนำไอเท็มสเปรย์น้ำแร่ที่สาว ๆ บัณฑิตต้องมีติดไว้กันค่ะ

LA ROCHE-POSAY ราคาประมาณ 220 บาท

@larocheposayusa

MAC FIX PLUS ราคาขวดละ 1,100 บาท

@maccosmeticsthailand

สวยออร่า แถมดูไม่ป้าซะด้วย หลังจากได้ส่องโทนการแต่งหน้ารับปริญญาแบบต่าง ๆ พร้อมวิธีการแต่งหน้าไปแล้ว เราก็เชื่อว่า สาว ๆ น่าจะพอมีแบบที่ถูกใจแล้วนำไปแต่งตามในวันสำคัญกันนะคะ แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญและไม่ควรลืมเลยก็คือ การรับปริญญาเราจะต้องอยู่ร่วมพิธีเกือบครึ่งวัน พอรับเสร็จก็ต้องมาถ่ายรูปกับเพื่อนพ้องน้องพี่ที่มาแสดงความยินดี ดังนั้นอย่างที่บอกเวลาเลือกเครื่องสำอางควรเลือกแบบกันน้ำไว้ก่อน เพื่อให้ความสวยอยู่กับเราได้ตลอดวัน และในส่วนของการเลือกรองพื้นนั้นก็ยิ่งสำคัญ ควรเลือกให้ดี อย่าใช้สีที่ขาวเกินผิวเรา เพราะว่าถ้าหน้าเทา ถ่ายรูปออกมาแล้ว มันจะถูกบันทึกไว้ตลอดชีวิตนะจ้ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

คราวนี้ก็มาในส่วนคำถามที่ว่าตกลงแล้วเราจะเลือกจ้างช่างแต่งหน้า หรือแต่งเองดี ข้อนี้เราขอตอบว่าเอาที่สาว ๆ สะดวกเลยค่ะ ถ้าหากคุณมีความสามารถแต่งเองได้เราแนะนำให้จัดเองเลย เพราะนอกจากไม่เปลืองงบประมาณการจ้าง (แต่อาจจะต้องเปย์เครื่องสำอางเพิ่มนิดหน่อย) แถมไม่ต้องตื่นเช้าเกินเหตุในกรณีที่จ้างช่างคนเดียวกับเพื่อน และเรายังรู้ด้วยว่าตัวเองเหมากับอะไรดีที่สุด จึงทำให้ข้อผิดพลาดน้อย ส่วนข้อดีของการจ้างช่างแต่งหน้า ก็คือช่วยให้เราเหนื่อยน้อยลง และอาจจะสวยเป๊ะกว่าการแต่งหน้าเอง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับฝีมือช่างแต่งหน้าของเราด้วย ดังนั้นลองช่างน้ำหนักกันดี ๆ แล้วก็เลือกทางที่ใช่ของคุณได้เลยจ้า


อยากให้เพื่อนได้อ่าน แชร์เลย


Comments

Share This Articles
ใส่คีย์เวิร์ดแล้วกด Enter เลย