Now Reading:

8 วัน 7 คืน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาวที่ ” อินเดีย “

อินเดีย ไปอินเดียเหรอ?  ไปทริปแสวงบุญเหรอ?  อินเดียน่าไปตรงไหน?  คำถามเหล่านี้เจอบ่อยมากเมื่อเราบอกว่าจะไปอินเดีย ก่อนอื่นเลยไม่ได้ไปทริปแสวงบุญจ้า! น่าไปตรงไหน? โอ้โห อินเดียจัดว่าเป็นประเทศที่ไปแล้วประทับใจมาก และจะกลับไปอีกแน่นอน!

รูปทั้งหมดในรีวิว ” อินเดีย “ นี้ถูกถ่ายด้วย iPhone 8 Plus ไม่ใช่จะรีวิวไอโฟนหรืออะไร แต่เอา GoPro ไปแล้ว หยิบสายชาร์จไปผิดอัน อ๊องเลย!

ทริปนี้เกิดจากการที่พี่ที่ออฟฟิศบอกว่ากำลังจะไปเที่ยวชัยปุระ เราเลยหันไปชวนเพื่อนแล้วเพื่อนก็บ้าจี้ไปด้วยอีก เอ้าไปก็ไปวะ แล้วเราสองคนก็ชวนคุณแม่ของพวกเราไป กลายเป็นทริปแม่ลูกสุขสันต์ ซึ่งก่อนไปก็ไม่ได้สุขสันต์ขนาดนั้น เพราะเรามีเวลาเตรียมตัวกันแค่ 2 อาทิตย์เท่านั้น! ทริปเร่งด่วนเว่อร์

เราไป 3 เมืองด้วยกัน ได้แก่ ชัยปุระ – อัครา – ศรีนคร เรียกได้ว่าไปอินเดียแบบเก็บครบทุกฟีลลิ่งจริง ๆ จากร้อนสุด ๆ 42 องศา ไปอากาศเย็น ๆ แบบหน้าหนาวที่เชียงใหม่ เมืองไทย

Preparation : การเตรียมตัว

การทำวีซ่า (Visa)

  • อินเดียเป็นประเทศที่ต้องทำวีซ่าก่อนไป ซึ่งปัจจุบันนี้มีทำ E-visa คือไม่ต้องออกจากบ้านเพื่อไปทำวีซ่าเลย สะดวกมาก ๆ สามารถกรอกข้อมูลที่ indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html ซึ่งใช้ระยะเวลาในการคอนเฟิร์มประมาณ 2 วัน และควรขอวีซ่าก่อนบิน 4 วันด้วยจ้า

การเช่ารถ (Rental Car)

  • การเดินทางในอินเดีย ถ้าใครที่ไม่อยากไปขึ้นรถไฟหรือขึ้นรถเมล์เองที่นั่น เราแนะนำให้ติดต่อเช่ารถพร้อมคนขับที่อินเดียเลย มีหลายเจ้ามาก ๆ คนขับจะไปรับตั้งแต่สนามบิน แล้วพาเราไปที่ต่าง ๆ ที่เราอยากไป ซึ่งสะดวกมาก ๆ

อินเตอร์เน็ต (Internet)

  • อินเตอร์เน็ตเราแนะนำให้ซื้อซิม Ais Sim2fly 399 บาท ใช้เน็ตได้ 4 GB นาน 8 วัน แต่! ถ้าคุณจะไปแคชเมียร์แบบเราด้วย จะไม่สามารถใช้ซิมตัวนี้ได้เลย ต้องซื้อซิม Local เท่านั้น

การแลกเงิน (Currency Exchange)

  • การแลกเงินแนะนำให้แลกรูปีไว้แบบกะใช้ให้หมด แล้วแลกดอลล่าร์ไปเผื่อด้วย เพราะร้านส่วนมากที่อินเดียรับเงินดอลล่าร์ได้ บางร้านรับเงินไทยด้วย!

เสื้อผ้า (Cloth)

  • เสื้อผ้าแนะนำว่าอย่าเอาไปเยอะ ถ้าคุณเป็นคนคลั่งไคล้เสื้อผ้าสี ๆ ลายเยอะ ๆ แบบอินเดีย ๆ คุณจะช้อปแหลกและซื้อเสื้อใหม่เพิ่มอีกเยอะแน่นอน เพราะเราโดนมาแล้ว ขนาดเราเอาชุดไปน้อยยังใส่ไม่ครบเลย เพราะใส่ชุดใหม่ตลอด 5555

| DAY 1 : BANGKOK – JAIPUR |

ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองสู่ชัยปุระ ไปถึงประมาณสามทุ่ม (เวลาที่อินเดียช้ากว่าที่ไทย 1.30 ชั่วโมง) แล้วเข้าพักที่ World Heritage Haveli ตกคืนละประมาณ 2,000 บาท (แต่ถ้าจองล่วงหน้าอาจจะได้โปรดี ๆ เหลือคืนละ 900 เท่านั้น!!)  ห้องดีมาก มีอาหารเช้าด้วยจ้า

| DAY 2 : JAIPUR |

Hawa Mahal พระราชวังสายลม ถือว่าเป็นแลนด์มาร์กของนครสีชมพูเลย แต่อันนี้เราขับผ่านเฉย ๆ ไม่ได้แวะ เพราะทริปของเราค่อนข้างแน่นพอตัว มีเวลาเที่ยวในชัยปุระแค่ 1 วันเอง

Panna Meena Ka Kund (Stepwell)

โลเคชั่นแรกที่เราไปแวะชมคือ  Panna Meena Ka Kund (Stepwell) หรือบ่อเก็บน้ำโบราณของเมือง คนขับรถมีเตือนไว้ว่าอย่าลงไปถ่ายรูปตรงขันบันได เพราะค่อนข้างอันตราย ซึ่งพอไปเห็นคือมันก็เสียว ๆ จริง ๆ แหละ แต่ถ้าอยากไปถ่ายจริง ๆ ต้องจ่าย 100 รูปีให้เจ้าหน้าที่พาลงไปค่ะ

Jaigarh Fort & Amber Fort

ป้อมปราการที่ถูกสร้างสมัยยมหาราชาสะหวายจัย ซิงห์ที่ 2 ยิ่งใหญ่ อลังการอยู่เบินเนินเขา เนื่องจากช่วงที่เราไปนั้นเป็นหน้าร้อน ทำให้แม่น้ำเหือดแห้ง กลายเป็นทุ่งหญ้าให้น้องวัวมาเล็มหญ้าเล่น

การขึ้นไปบน  Amber Fort  สามารถขึ้นได้ 2 ทาง คือข้างหน้า ซึ่งเราสามารถนั่งน้องช้างขึ้นไปได้ แต่คนขับรถพาเราไปขึ้นข้างหลังค่ะ ซึ่งสามารถเดินเข้าไปข้างในได้เลย

Jal Mahal

พระราชวังฤดูร้อน ของจริงคือสวยมากกกกก แต่ตอนที่เราแวะไปเป็นตอนเที่ยงซึ่งแดดเปรี้ยงมาก แล้วสกิลในการถ่ายภาพยังไม่สูงพอ ทำให้ภาพที่ออกมาจะง่อย ๆ หน่อย แต่เราคอนเฟิร์มความงาม

Royal Gaitor

อนุสรณ์สถานมหาราชาแห่งชัยปุระ สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพระราชาที่เคยปกครองชัยปุระค่ะ

Jantar Mantar

หอดูดาวถูกสร้างโดยมหาราชาไสวจัย ซิงห์ที่ 2 สถานที่นี้ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกด้วยค่ะ

Cafe’ Palladio

ด้วยอากาศที่ร้อนจัด 42 องศา และเดินตากแดดกันมาทั้งวัน ทำให้พวกเราเมาแดดกันมาก ๆ คุณคนขับรถก็อยากจะพาไปซาฟารีที่อยู่นอกเมืองเหลือเกิน เราได้แต่ปฏิเสธและขอให้เค้าพาไปหาร้านนั่งชิลล์ ก็เลยมาจบที่ร้านดังที่ใคร ๆ ก็ต้องไปอย่าง Cafe’ Palladio

ร้านนี้ไม่ได้มีดีแค่สวยนะเออ! เค้กอร่อยมากกกกก ห้ามพลาด!

ก่อนไปก็ต้องแชะสักภาพ ร้านมันสวยจนอดถ่ายภาพชิค ๆ ไม่ได้

| DAY 3 : JAIPUR – AGRA |

วันที่สามเราเช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรม เพื่อเตรียมมุ่งหน้าไปอัครา เมืองแห่งทัชมาฮาล ระหว่างทางเราก็ได้แวะเที่ยว 2 ที่ด้วยกัน

Galta Ji

Galta Ji หรือวัดลิง พอได้ยินคำว่า ลิง นี่รีบหันไปถามคนขับเลยว่า ลิงที่นี่ aggressive มั้ยคะ? เพราะที่ไทยนี่โหดมาก ขโมยของเก่งด้วย เค้าเลยบอกว่าไม่เลยยู ที่นี่ลิง Nice มาก ๆ

ซึ่งก็จริงอย่างที่เค้าบอก! ลิงที่นี่น่ารักมาก ไม่กลัวคนด้วย เรียกได้ว่าไม่สนใจเลยจะดีกว่า 55555 เข้าไปนั่งใกล้ ๆ ถ่ายรูปได้ โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าน้อง ๆ จะขโมยของเลย

ไปวัดนี้แทบจะไม่เจอชาวต่างชาติเลย เจอแต่คนอินเดีย เพราะที่นี่เป็นเหมือนเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่คนอินเดียเขามาอาบน้ำชำระร่างกายให้บริสุทธิ์กัน

อินเดีย

เจอคนอินเดียขอให้ถ่ายรูปให้ด้วยคือน่ารักมาก 55555 ประทับใจ พอถ่ายเสร็จก็ขอดูภาพด้วย น่ารักจริง ๆ

Fatehpur Sikri

อีกสถานที่ที่เราแวะระหว่างเดินทางไปเมืองอัครา Fateh Pursikri เป็นเมืองหลวงแรกที่กษัตริย์อัคบาร์ (ต่อมาเมืองหลวงย้ายไปที่เมืองอัครา) โดยสถานที่นี้แบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนสำหรับประกอบศาสนพิธี (Jama Mosque) และส่วนอยู่อาศัยสำหรับพระองค์และพระมเหสีทั้งสาม

ภายใน Jama Mosque หรือส่วนประกอบพิธีทางศาสนาสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับนักบุญมุสลิมที่เป็นคนให้พรกับกษัตริย์อัคบาร์มีพระราชโอรสคนแรก

ตรงนี้เราจำไม่ได้ว่าเรียกว่าอะไร แต่เป็นที่ ๆ สร้างเพื่อให้คนเข้าไปทำบุญและขอพร คุณไกด์เขาเล่าว่าประธานาธิบดีฝรั่งเศสเคยมาขอลูกที่นี่ด้วยและเป็นจริงด้วย!

ข้างในจะมีมุมให้ถ่ายภาพชิค ๆ แบบนี้! เวรี่กู้ดคุณไกด์

เนื่องจากสถานที่ใหญ่มาก เขาก็จะเล่าประวัติให้ฟังแบบละเอียดมาก เราก็ว้าว ๆ อึ้ง ๆ กับหลาย ๆ อย่างที่เขาเล่า จนเราเองนี่แหละที่จำไม่ได้ อยากขอให้ทุกคนไปลองค้นประวัติที่นี้อ่านดู จะได้รับรู้ความอลังการ

| DAY 4 : AGRA – DELHI |

ในที่สุด!!!!! เราก็มาถึงทัชมาฮาล ไฮไลท์เด็ดที่คนมา อินเดีย ห้ามพลาด!

Taj Mahal

ตื่นมาตั้งแต่ตี 5 เพื่อมาต่อคิวตั้งแต่ 6 โมงเช้า คิดดู๊วววว คนยังมาเยอะขนาดนี้ สงสัยรอบหน้าต้องไปรอคิวตั้งแต่ตี 5 จะได้มีภาพชิค ๆ คูล ๆ

เกร็ดความรู้สักนิด  Taj Mahal เป็นสุสานหินอ่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถูกสร้างขึ้นด้วยความรักที่สมเด็จพระจักรพรรดิชาจาร์ฮาลมีต่อพระมเหสีของพระองค์ เล่ากันว่าพระองค์ตั้งใจจะสร้างสุสานสีดำให้ตนเองตรงข้ามกับ  Taj Mahal แต่เนื่องจากพระองค์สูญเสียราชสมบัติไปกับการสร้าง  Taj Mahal เป็นจำนวนมาก ทำให้พระองค์ถูกลูกชายของตนเองจับขังไว้ที่  Agra Fort

รอบนี้เราก็จ้างไกด์เพิ่มเติมอีกรอบค่ะ และนี่ก็คือโฉมหน้าคุณไกด์ที่เหล่าคุณแม่เลิฟ เพราะนางยึดมือถือเราไปถ่ายรูปให้ตลอด สั่งเก่ง สั่งให้ไปยืนจุดนู้นจุดนี้ จัดท่าโพสให้ เอาเป็นว่าโดนใจคุณแม่กันมาก ๆ

และนี่ก็คือภาพที่คุณไกด์ถ่ายให้ โอ้โห เอามือถือไปถ่ายเลยค่ะ เราสบายมาก ในที่สุดก็มีภาพสวย ๆ สำหรับรีวิวนี้แล้ว สบายใจ

Agra Fort

Agra Fort หรือ ป้อมอัครา เป็นพระราชวังแห่งราชวงศ์โมกุล และเป็นที่คุมขังสมเด็จพระจักรพรรดิชาจาร์ฮาล

หลังจากเราเที่ยวจุดหลัก ๆ ในเมืองอัคราเรียบร้อยแล้ว เราก็มุ่งหน้าสู่เดลีเพื่อต่อเครื่องไป เมืองศรีนคร ซึ่งอยู่ในรัฐ แคชเมียร์

| DAY 5 : JAIPUR |

เรานั่งเครื่องสายการบิน Air Asia จากเดลีมาลงศรีนคร เมืองที่ใหญ่ที่สุดแห่งรัฐแคชเมียร์ มาถึงก็เกือบสิบโมงเช้า คุณคนขับรถก็พาไปส่งที่โรงแรม วันนี้โปรแกรมเบา ๆ คือการเน้นชมรอบ ๆ เมืองศรีนคร

Dal Lake

จุดหมายแรกที่เราแวะคือ Dal Lake เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่และเป็นจุดที่ทุกคนนิยมไปพักเมื่อมาแคชเมียร์ เพราะมี Boat House อยู่หลายเจ้า ให้ฟีลลิ่งแบบไปล่องแพที่กาญจนบุรีแต่แฟนซีกว่า 55555

คนขับรถก็จะพาเราไปหาเรือท้องถิ่นเพื่อเช่าเรือพายรอบทะเลสาบ เขาจะแนะนำสองแบบคือ แบบแรกคิดราคาเป็นชั่วโมง ชั่วโมงละ 600 รูปีต่อคน กับอีกแบบคือ 1500 รูปี เหมาไปเลย นานแค่ไหนก็ได้ ขอแนะนำให้เลือกแบบแรก เพราะทะเลสาบไม่มีอะไรมาก เราดันไปเลือกแบบที่สอง โอ้โหววว นานจริง ๆ นางพายได้เอื่อยมาก นั่งจนเมื่อยไปเลย แต่ไม่เป็นไรคุณแม่ทั้งสองแฮปปี้ เราก็โอเค

ระหว่างทางก็จะมีคนพายเรือมาขายของอยู่เรื่อย ๆ ทั้งของกินและของฝาก ส่วนเราผู้หิวโหยก็ซื้อไก่ย่างและปลาย่าง (จำชื่อเมนูไม่ได้) อร่อยดีค่ะ มาพร้อมเครื่องเคียงแปลก ๆ และอีกเมนูที่ลองคือไอติมผลไม้แห้งของแคชเมียร์

หลังจากชมวิวเสร็จ เราก็ไปวัดแห่งหนึ่งที่อยู่บนภูเขา แต่เนื่องจากสถานที่นั้นห้ามถ่ายภาพแบบเด็ดขาดเลยไม่มีภาพมาให้ชม พอลงมาเสร็จเราก็ไปเดินเล่นที่สวน Botanical

ซึ่งอารมณ์เหมือนสวนลุมพินีบ้านเรา แต่บรรยากาศดีกว่าเยอะมาก ๆ ด้วยอากาศเย็น ๆ และต้นไม้เขียว ๆ รอบ ๆ สวนนี้เป็นที่ถูกใจเหล่าแม่ ๆ ยิ่งนัก เพราะเราปล่อยให้พวกท่านไปเดินเล่น ถ่ายรูปกันเอง ซึ่งหายไปนานมาก!

ไม่เพลินได้ไง มีแต่ดอกไม้สวย ๆ ทั้งนั้น! ยอมใจจริง ๆ

| DAY 6 : SONAMARG |

มาถึงสถานที่เด็ดสุดของทริปนี้แล้วจ้า ประทับใจสุดแล้วต้อง Sonamarg ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงจากศรีนคร ระหว่างทางก็เห็นป้ายบอกทางไป Leh Ladakh อยู่เรื่อย ๆ เพราะโซนามาร์คคือทางไปประสู่เลห์

คนขับรถจะพาเราไปจอดจุดเช่าน้องม้าค่ะ ตอนฟังราคานี่เราอึ้งไปเลย เพราะเคยอ่านรีวิว เจอเค้าบอกไว้ว่า ราคาควรอยู่ที่ 1,000 รูปี / คน ต่อ 2 กิโลกว่า ๆ แต่นี่คิดเราแบบ 9 กิโล 2100 รูปี / คน ซึ่งก็นั่งไกลเกินนนนน แล้วก็แพงเกินไป เราเลยถามเค้าว่ามีแบบอื่นมั้ยเค้าก็บอกว่ามีแบบ 5 กิโล 1,800 รูปี / คน เราเลยบอกเขาไปว่ามีคนเคยบอกเรานะว่า 1,000 รูปี / คน นางก็บอกว่าไปฟังมาจากไหน ถ้าราคานั้นอ่ะ ไปแค่ โลกว่า ๆ นะ ก็เลยไม่อยากเถียงกันมาก เลยขอต่อเหลือ 1,500 รูปี

จากฟีลลิ่งที่รู้สึกเหมือนโดนโกง ก็กลายเป็นเฉย ๆ เมื่อเจอคุณน้องคนนี้ ผู้คอยจูงม้าให้เรา น้องน่ารักมาก สุภาพ คุยกับม้าได้ แถมคอยถ่ายรูปให้ตลอด กลับไทยไปเป็นตากล้องส่วนตัวให้พี่มั้ยจ๊ะหนู

วิวคือสวยมากกกกกก สวยแบบโหยชื่นใจสุด ๆ รู้สึกคุ้มค่ากับทริปมากโดนโกงหรืออะไรก็ไม่เป็นไรจ้า เจอแบบนี้ก็คุ้มแล้ว

กิจกรรมที่พลาดไม่ได้เมื่อมา Sonamarg นั่นก็คือการเล่นเจ้าสไลด์ (ต้องเสียตังค์เพิ่ม) คือสนุกมาก แต่ไม่ต้องกลัว เค้าไม่ปล่อยให้เราลงมาคนเดียว จะมีคนที่คอยลากเราขึ้นไป มานั่งข้างหน้าตอนเราสไลด์ลงมา เค้าจะคอยเป็นคนคุมทิศทางให้เอง

เป็นในส่วนของการทำหิมะตกปลอม ๆ โดยคนจูงม้า หิมะมาเป็นก้อนเลยจ้า 55555

ปิดท้ายภาพจาก Sonamarg ด้วยเหล่าคุณแม่แอนด์เดอะแก๊ง

| DAY 7 : GULMARG |

Gulmarg ตั้งอยู่คนละฟากกับ Sonamarg ใช้เวลาขับรถประมาณ 3 ชั่วโมง เป็นสถานที่โดดเด่นเรื่องการไปเล่นสกีในหน้าหนาว ส่วนหน้าร้อนจะกลายเป็นสนามกอล์ฟ  กิจกรรมอีกอย่างที่ทุกคนที่ไป Gulmarg ต้องไปโดนคือการนั่งกระเช้าหรือที่นั่นเรียกว่า Gondola ถ้าวันไหนที่หมอกลงเยอะ ๆ จะไม่สามารถขึ้นกระเช้าได้…

และนี่คือสภาพอากาศที่เราไปพบเจอ หมอกลงจ้า! หมอกลงหนักมากอย่างกับอยู่ในหนังเรื่อง The Mist ต้องมีปีศาจออกมาแน่ ๆ คุณลุงที่เป็นไกด์ให้เรา แกก็จะพยายามพาเดินไปนู่นนี่นั่น เพราะเราไม่ยอมไปขี่ม้าเนื่องจากก้นระบม จนเราต้องบอกว่า ลุงคะ ไปหาไรกินแล้วเราลงไปข้างล่างเถอะ ถ้าขึ้นกระเช้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หนูจ่ายคุณลุงราคาเต็มอยู่ดี 55555

พวกเราเลยไปนั่งกินแม็กกี้หรือมาม่าของที่นั่น อากาศเย็น ๆ กินไรร้อน ๆ นี่ฟินสุด พอออกจากร้านอาหารเราก็ไปเดินช้อปเล่น ช้อปไปช้อปมา ฟ้าเปิดเว้ย! ช้อปจนฟ้าเปิดที่แท้จริง เลยได้ไปขึ้นกระเช้าสมใจอยาก

วิวระหว่างทางขึ้นกระเช้าก็สวยมากเช่นกัน แต่เนื่องจากกระจกลายมากจึงถ่ายรูปออกมาไม่ค่อยสวยเท่าตาเห็น แต่ภาพนี้คือภาพข้างบนเมื่อเราไปถึงแล้ว

| DAY 8 : SRINAGAR – DELHI – JAIPUR-BKK |

วันสุดท้ายเป็นวันแห่งการนั่งเครื่องบิน นั่งสามเที่ยวติด สนามบินศรีนครขาออกจากเมืองเป็นอะไรที่ตรวจค้นเยอะมาก ตรวจกระเป๋าไป 4 รอบ ตรวจร่างกายอีก 3 รอบ จัดว่าเยอะมาก ๆ ไม่เคยโดนตรวจที่ไหนเยอะเท่านี้มาก่อน


Budgets : ค่าเสียหาย

หลังจากรีวิวทริปเสร็จแล้ว ก็มาถึงส่วนของค่าเสียหาย ที่เมื่อเราบอกใคร ๆ หลาย ๆ คนก็บอกว่า โหแพงอะ ไปยุโรปไม่ดีกว่าเหรอ ฮัลโหลลล! คนละฟีลลิ่งปะ สำหรับเราทริปนี้คุ้มค่ามาก กินหรูอยู่สบาย และที่แพงก็เพราะไม่ได้จองล่วงหน้าเยอะ เลยทำให้เสียค่าตั๋วเครื่องบินแพง

ราคา / คน

  • ค่าเครื่องบินไป-กลับ ดอนเมือง –  ชัยปุระ : ประมาณ 4,800 บาท (ใช้สิทธิลด 50% จากราคาเต็มประมาณ 9,600 บาท )
  • ค่าเครื่องบินไป-กลับ เดลี – ศรีนคร : ประมาณ 7,000 บาท
  • ค่าเครื่องบิน เดลี – ชัยปุระ : ประมาณ 3,500 บาท
  • ค่าทำวีซ่า : ประมาณ 1,300 บาท
  • ค่ารถ + คนขับรถ ชัยปุระ – อัครา – เดลี : ประมาณ 2,000 บาท (หาร 4 แล้ว)
  • ค่ารถ + คนขับรถ ศรีนคร : ประมาณ  1,800 บาท (หาร 4 แล้ว)
  • ค่าโรงแรม : ประมาณ 9,000 บาท  (หาร 2 แล้ว)
    เราพักโรงแรมแพงซะส่วนใหญ่ จริง ๆ ถ้าอยากประหยัดสามารถลดบัดเจ็ทลงได้อีกเยอะ
  • ค่าช้อปปิ้ง : ประมาณ 13,000 บาท
    โอ้ยยย อันนี้บ้าบอมาก เพราะเราคลั่งพวกผ้า ๆ มาก ซื้อเยอะ ไหนจะพวกครีมอีก ล้มละลาย
  • ค่ากิน : ประมาณ 5,000 บาท

รวมแล้วประมาณ 47,400 บาท

อย่างที่บอก ถ้าเกิดมีเวลาจองทุกอย่างเร็วกว่านี้ และไม่ช้อปเยอะแบบเรา กับจองโรงแรมถูก ๆ ลงหน่อย เราว่าทริป อินเดีย นี้ก็สามารถอยู่ได้ในงบ 30,000 บาท

ขอบคุณที่ติดตามรีวิวนี้มาจนจบ หากข้อมูลผิดพลาดหรือมีข้อสงสัยอะไรทักอินบอกซ์ ShopSpotter มาได้เลย เราพร้อมตอบเสมอ ส่วนทริปหน้าเราจะไปไหน รอติดตามชมได้ค่า : D


อยากให้เพื่อนได้อ่าน แชร์เลย


Comments

Share This Articles
ใส่คีย์เวิร์ดแล้วกด Enter เลย