Now Reading:

รีวิวสเปรย์กันน้ำ 4 ตัว ยี่ห้อไหนดีที่สุด ต้องมาดู!

บางทีสภาพอากาศบ้านเราก็แปรปรวนจนคาดเดาไม่ถูก เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน เดี๋ยวหนาว ทำเอาไม่รู้ว่าต้องรับมือยังไงแน่ วันไหนพกร่ม แดดก็ดันจ้าฟ้าแจ่มใส แต่ถ้าวันไหนลืมไว้บ้าน วันนั้นแหละ พายุเข้า เปียกชุ่มไปหมดทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ทำเอาหลายคนเซ็งไปตาม ๆ กัน

และไม่เฉพาะอากาศเท่านั้นนะคะ แค่เราออกไปนอกบ้าน ฟุตบาทที่เลอะ ที่เปียก ก็ทำรองเท้าเราเลอะเทอะเหมือนกัน อยากจะบอกว่า ShopSpotter เองก็ประสบปัญหานี้ค่ะ เซ็งจริง ๆ กับการต้องมาคอยทำความสะอาดรองเท้าผ้าใบอยู่ตลอด ๆ เวลาที่เปียกและย่ำดิน ย่ำโคลนกลับมาบ้าน เปลืองแรงและเวลาสุด ๆ เพราะงั้นก็เลยได้ลองไปสืบเสาะค้นหาตัวช่วยที่จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น แล้วก็ไปเจอไอเท็มน่าสนใจอย่าง สเปรย์กันน้ำ สำหรับฉีดเคลือบบนของใช้ต่าง ๆ ที่เขามักจะใช้ฉีดกันรองเท้าเปียกและเลอะมาค่ะ

ด้วยความมันเป็นของจำเป็นที่เราควรใช้อยู่แล้วด้วย ก็เลยตัดสินใจถอย สเปรย์กันน้ำ 4 แบรนด์ที่เขาว่ากันว่าเริ่ดมาเลย เพื่อที่จะได้ถือโอกาสรีวิวให้รู้ไปเลยว่า ตัวไหนที่เอาอยู่ไปในตัว ซึ่ง 4 แบรนด์ที่จะนำมาทดลองใช้งานในวันนี้ก็มี WETLESS, Flow, Bazooka และ Repel wilkins ค่า (เรียงจากซ้ายไปขวา) ยี่ห้อไหนดี ต้องมาดูกันจ้า

สเปรย์กันน้ำ

เมื่อได้มาแล้วเราก็จะมาเริ่มทำการทดสอบกันเลยค่ะ โดยไอเท็มที่เราเลือกก็คือ ‘สนีกเกอร์’ แบบผ้าใบ Canvas ที่เรามักใส่ลุยไปทุก ๆ ที่ เพื่อจะได้เห็นผลอย่างชัดเจนนั่นเอง

 ขั้นตอนทดสอบ 

1. ก่อนฉีด สเปรย์กันน้ำ จะต้องทำความสะอาดรองเท้าให้สะอาดที่สุดก่อนนะคะ อย่างรองเท้าผ้าใบนี้ถ้าสกปรกมากก็ควรเช็ดหรือใช้น้ำยาทำความสะอาดอะไรให้เรียบร้อยก่อน ไม่อย่างนั้นมันจะเคลือบติดฝุ่นไปด้วย ประสิทธิภาพของสเปรย์ก็จะลดลงไปด้วยนะ
2. เมื่อรองเท้าพร้อมแล้ว เราจะมาฉีดสเปรย์กันน้ำกัน แนะนำว่าให้ออกไปฉีดที่กลางแจ้ง เพราะหากเราฉีดในที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก อาจมีผลเสียต่อสุขภาพได้ โดยแต่ละตัวก็จะฉีดที่ความห่างจากรองเท้าประมาณ 1 ฟุต หรือ 1 ไม้บรรทัด และจะฉีด 2 รอบด้วยกัน รอบแรกจะฉีดแล้วทิ้งไว้ 15 – 20 นาที จากนั้นก็ฉีดซ้ำอีกทีแล้วทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงค่ะ
3. ต่อมาก็ทำการทดสอบความกันน้ำกัน โดยจะลองเปรียบเทียบทั้งข้างฉีดสเปรย์และข้างที่ไม่ฉีดด้วยค่ะ ว่าแล้วก็มาดูการใช้งานของสเปรย์แต่ละตัวอย่างละเอียดไปพร้อม ๆ กันเลย

1. Repel wilkins
: ขนาด 150 ml. สั่งซื้อจากเว็บไซต์ ราคา 450 บาท

และตัวแรกที่เราจะทดสอบกันก็คือ Repel wilkins นั่นเองค่ะ หลังจากที่ได้ทดลองฉีดแล้วก็พบว่า ด้วยความเป็นหัวแบบสเปรย์แบบธรรมดา ก็เลยฉีดออกมาเป็นละอองน้ำ แบบเป็นเม็ด ๆ เลยค่ะ ทำให้ฉีดได้ทั่วยากนิดนึง ต้องใช้เวลาพอสมควรเลย แต่ที่ปลื้มมาก ๆ ก็คือ แม้จะได้ยินกิตติศัพท์ของสเปรย์พวกนี้มามากว่าจะมีกลิ่นค่อนข้างแรง แต่ Repel wilkins นี่ไม่มีกลิ่นรบกวนใจเลยค่ะ เหมือนน้ำเปล่าเลย

หลังจากฉีดซ้ำรอบที่ 2 และทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงแล้ว ก็ถึงเวลาทดสอบประสิทธิภาพในการกันน้ำกันแล้ว เริ่มจากข้างที่ฉีดสเปรย์กันก่อนนะคะ โดยจะพรมน้ำลงไปให้มากพอได้รู้เลยว่ากันได้จริง ๆ ที่เลือกวิธีนี้ก็เพราะว่า หากยังกันน้ำจากการพรมเบา ๆ ไม่ได้ก็น่ากลัวว่าหากใส่ออกไปนอกบ้าน ไปลุยน้ำ ย่ำโคลน ตากฝนอะไรต่าง ๆ แล้วจะรองเท้าคู่โปรดของเราจะรอดมั้ย

ตามด้วยข้างที่ไม่ได้ฉีดสเปรย์ค่ะ พรม ๆ น้ำลงไปเลย

และนี่ก็คือภาพเปรียบเทียบระหว่างข้างที่ฉีด สเปรย์กันน้ำ (ข้างซ้าย) และข้างที่ไม่ฉีดสเปรย์ (ข้างขวา) หลังจากที่พรมน้ำลงไปแล้ว ข้างที่ฉีดสเปรย์แล้วก็ยังเปียกอยู่เลย จะเห็นได้ถึงความเปียกชุ่มตรงส่วนที่เป็นผ้า  ตรงเชือกรองเท้าและเหมือนจะสเปรย์จะทำงานได้ดีตรงส่วนที่เป็นยางเท่านั้นค่ะ เพราะมีน้ำกลิ้ง ๆ ไม่โดนเนื้อยางตรง ๆ นั่นเอง แต่แม้จะไม่ค่อยกันน้ำเท่าไหร่ ก็แอบบวกคะแนนให้ด้วยเรื่องของกลิ่นที่ไม่มีเลย เพราะงั้น ShopSpot ให้ Repel wilkins 2.5/5 คะแนน ค่ะ

2. WETLESS
: ขนาด 300 ml. สั่งซื้อจากเว็บไซต์ ราคา 490 บาท (ลดจาก 690 บาท)

ต่อกันด้วยสเปรย์ตัวที่ 2 กับ WETLESS ที่เขาเคลมมาว่าฉีดมากเท่าไหร่ก็ไม่เป็นอันตรายกับวัสดุ ทั้งยังฉีดกับเสื้อผ้าและกระเป๋าได้ด้วยค่ะ ตัวนี้ต้องบอกเลยว่าหัวฉีดดีมาก ฉีดได้ฟุ้งกระจายดี ฉีดทั่วรองเท้าได้เร็วดีด้วยค่ะ ที่สำคัญคือไม่ทิ้งคราบบนรองเท้า ในส่วนของกลิ่นก็มีเพียงจาง ๆ อ่อน ๆ ไม่ฉุน อยู่ในเลเวลที่โอเค แล้วก็ไม่มีคราบบนรองเท้าค่ะ

เรียบร้อยแล้วก็มาเริ่มทดสอบกันเลยค่ะ เริ่มจากข้างที่ฉีดสเปรย์ก่อนเช่นเคย จะเห็นได้ว่าน้ำไหลผ่านไปเลย ทั้งส่วนที่เป็นผ้าและเป็นยาง มีเปียกแค่เพียงนิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ

ต่อด้วยข้างที่ไม่ได้ฉีด แค่ลองพรมลงไปเท่านั้นแหละค่ะ เปียกชุ่มอย่างที่เห็นเลย

เมื่อนำทั้งสองข้างมาเปรียบเทียบกันแล้วก็จะเห็นว่า ข้างซ้ายที่ฉีดสเปรย์จะมีความเปียกแค่จุดเล็ก ๆ เท่านั้น แต่ก็ยังมีซึม ๆ ตามขอบอยู่บ้างนะคะ เราอาจจะต้องฉีดย้ำ ๆ ตามขอบให้มากขึ้นหน่อย ในขณะที่ข้างขวาที่ไม่ได้ฉีดเลยนี่คือเปียกชุ่มมากกก เห็นแล้วปวดใจ สำหรับ WETLESS นี้ ShopSpotter ค่อนข้างปลื้มในหัวฉีดที่ดีงามมาก กับกลิ่นที่กำลังดีเลย เพราะงั้นเอาไป 4/5 คะแนน ค่ะ

3. Bazooka 
: ขนาด 250 ml. สั่งซื้อจากเฟสบุ๊ค ราคา 590 บาท (ซื้อโปร 1 แถม 1 เลยได้ 2 ขวด)

สเปรย์กันน้ำ

ต่อด้วยแบรนด์ Bazooka ที่มีโปรให้เลือกเยอะอยู่ตอนสั่งซื้อ ซึ่ง ShopSpot ก็ได้เลือกเป็นโปรซื้อ 1 แถม 1 มา ก็เลยได้มา 2 ขวด สำหรับตัวนี้ในตอนที่ฉีดสเปรย์ออกมาถือว่าดีค่ะ ไม่มีกลิ่นเลย ฟุ้งกระจายดี หัวฉีดมีความแรงและสม่ำเสมอ ตัวสเปรย์จะออกมาตามแรงที่เราฉีด ทำให้รู้สึกว่าคอนโทรลได้ ที่สำคัญคือจากที่สังเกตดูแล้ว พบว่าแห้งเร็วกว่า 2 ตัวก่อนหน้านี้ และไม่ทิ้งคราบไว้บนรองเท้าด้วย

ทีนี้ก็มาทดลองพรมน้ำกันเลย เริ่มด้วยข้างที่ฉีดสเปรย์กันก่อน จะเห็นได้ว่าน้ำกลิ้งผ่านไปเลย ทั้งส่วนที่เป็นผ้าและเป็นยาง มีน้ำหยด ๆ ติดแค่ส่วนหน้ารองเท้าเพียงจุดเดียวเท่านั้นค่ะ

ต่อด้วยข้างที่ไม่ได้ฉีดสเปรย์ค่ะ เปียกชุ่มโชกไปหมด

และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกันก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ข้างที่ไม่ได้ฉีดสเปรย์นี่ก็เปียกชุ่มไปตามเรื่อง ส่วนข้างที่ฉีดสเปรย์แล้ว น้ำกลิ้งผ่านไปหมด ไม่มีน้ำซึมตามขอบ มีแค่จุดเดียวตรงหน้ารองเท้าค่ะ แล้วก็ชอบมากตรงที่ไม่มีกลิ่น หัวฉีดดีด้วยฉีดได้ทั่วถึง เพราะงั้น ShopSpot ให้ Bazooka ที่ 4.5/5 คะแนน หักตรงจุดที่ซึมไปนิดนึงค่ะ

4. Flow
: ขนาด 300 ml. สั่งซื้อจากเว็บไซต์ ราคา 500 บาท

ปิดท้ายกันด้วยแบรนด์ Flow ที่ตัวนี้จะนำมาฉีดบนรองเท้าผ้าใบสีขาวดู ก่อนอื่นเลยหัวฉีดสเปรย์ค่อนข้างดีค่ะ ฉีดได้ฟุ้งกระจาย ไม่แรงมาก แต่ก็ถือว่าก็สม่ำเสมอดี ทั้งนี้มีข้อเสียก็คือ กลิ่นแรงมากค่ะ กลิ่นเหมือนน้ำยาล้างเล็บเลย ทำให้ต้องไปหยิบหน้ากากอนามัยมาใส่ระหว่างฉีดด้วย

แล้วก็เริ่มพรมน้ำข้างที่ฉีดสเปรย์แล้วก่อนเลย จะเห็นได้ว่า น้ำจะกลิ้ง ๆ เป็นเม็ดเลย ไม่ได้เปียกในทันทีที่หยดลงไปนะคะ แต่มันกลับไม่กลิ้งออกและแอบซึม ๆ ลงรองเท้าซะได้

และตามมาด้วยข้างที่ไม่ได้ฉีดสเปรย์ค่ะ ก็เปียกชุ่มไปตามระเบียบ

เมื่อลองนำทั้งสองข้างมาเปรียบเทียบกันแล้ว พบว่าข้างที่ไม่ได้ฉีดก็จะเปียกแบบเวอร์วังไปเลย ส่วนข้างที่ฉีดแล้ว แม้จะไม่ได้เปียกชุ่ม แต่ก็ยังมีความเปียก ความซึมอยู่เหมือนกันนะคะ สำหรับ Flow นี้ ShopSpot ขอหักคะแนนตรงกลิ่นที่รุนแรงมากไปนิด โดยให้ที่ 3.5/5 คะแนน นะคะ

สรุป คุณภาพ และ ความคุ้มค่า

• คุณภาพ :  เราให้ Bazooka และ Wetlees ด้วยความที่สามารถกันน้ำได้ดีที่สุด มีจุดเดียวที่ยังเปียกเล็กน้อย หากฉีดย้ำบางจุดก็ไม่น่าจะมีปัญหา  แถมไม่มีกลิ่น และไม่มีคราบด้วย

• ความคุ้มค่า : เราขอให้ Bazooka คุ้มค่าที่สุด แม้ราคาต่อขวดจะแพงกว่าแบรนด์อื่น ๆ 90 บาท แต่เราซื้อมาในโปรโมชั่น 1 แถม 1 ขนาด 250 ml. 2 ขวด เท่ากับว่าได้ปริมาณถึง 500 ml.

และนี่ก็คือผลการทดสอบ สเปรย์กันน้ำ ทั้ง 4 แบรนด์ของเราในวันนี้ค่าาา มาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนก็คงจะตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อ ยี่ห้อไหนดี อย่าลืม ไปถอยมาปกป้องรองเท้าคู่โปรดกันนะ เป็นไอเท็มที่ควรมีติดบ้านไว้นะคะ เพราะไม่ว่าเราจะใส่รองเท้าลุยไปที่ไหน ฤดูกาลใด เทศกาลใด ก็จะไม่มีปัญหาให้กังวลใจ และก่อนจากกันไปวันนี้ ShopShot ก็มีเคล็ดลับดี ๆ สำหรับผู้ที่อยากลองใช้ สเปรย์กันน้ำ มาฝากด้วยค่ะ

1. ถ้ารีบ ด่วน มีเวลาจำกัด ไม่มีเวลาวางรองเท้าทิ้งไว้ถึง 24 ชั่วโมงตามขั้นตอนแล้วล่ะก็ สามารถฉีดสเปรย์ไปเลย แล้วใช้ไดร์มาช่วยเป่าให้แห้งได้เหมือนกันนะคะ เสร็จแล้วก็ใส่ลุยออกไปได้เลย
2. ขณะฉีดให้เน้น ๆ ย้ำ ๆ ตรงตะเข็บและเชือกด้วยนะคะ ฉีดซ้ำ ๆ เข้าไปเลยค่าา

สุดท้ายนี้ สเปรย์กันน้ำควรใช้ตอนที่รองเท้าของเราสะอาดนะคะ ใครที่รองเท้ายังไม่เขลอะอยู่ แต่เป็นห่วงรองเท้า ทนรอเคลือบสเปรย์กันน้ำไม่ไหวแล้ว ก็ลองตามไปอ่านรีวิวน้ำยาทำความสะอาดได้เลย ก็หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยจาก Review นี้นะคะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ!


อยากให้เพื่อนได้อ่าน แชร์เลย


Comments

Share This Articles
ใส่คีย์เวิร์ดแล้วกด Enter เลย